จัดห้องใหม่ ชีวิตเปลี่ยน New Room New You

Last updated: 7 มิ.ย. 2567  |  4279 จำนวนผู้เข้าชม  | 

จัดห้องใหม่ ชีวิตเปลี่ยน New Room New You

จัดห้องใหม่ ชีวิตเปลี่ยน New Room New You

ห้องคือกระจกสะท้อนภาพในจิตใจ มาจัดห้องใหม่พร้อมเปลี่ยนชีวิตไปด้วยกันเถอะ

ห้องและความรู้สึกภายในจิตใจมีความสัมพันธ์กันอย่างมากสิ่งต่างๆภายในห้องจะสะท้อนถึงตัวเรา

สิ่งสำคัญไม่ใช่การตัดสินว่า “ห้องสะอาดคือดี ห้องสกปรกคือไม่ดี”

แต่การย้อนกลับมาดูต้นตอที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจว่า “ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพอย่างนั้นได้” ลองสังเกตความรู้สึกตัวเองพร้อมกับจัดห้องไปด้วย ความทุกข์และปัญหาที่อยู่ภายในใจก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไป

การเก็บห้องให้เป็นระเบียบ เปรียบเหมือนการเก็บกวาดความรู้สึกในใจไปพร้อมกัน

เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นทุกๆวัน ด้วย 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 นึกย้อนกลับไปตอนที่เราเห็นห้องเป็นครั้งแรก ห้องไม่ได้สกปรกมาตั้งแต่แรก แต่เกิดจากการใช้ชีวิตของผู้ที่อาศัยอยู่

ลองนึกถึงย้อนกลับไปตอนที่ย้ายเข้ามาในห้องครั้งแรก

นึกขอบคุณห้องที่ไม่ว่าจะรกขนาดไหน ก็ยังคงเฝ้าคอยคุณเสมอ

ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้ให้ห้อง หยุดอ่านสักครู่ มองไปรอบๆห้องแล้วลองนึกถึงความสำคัญของห้องและขอบคุณห้องที่ให้เราได้ใช้ประโยชน์อยู่อาศัย หรือว่าถ้าคุณกำลังอ่านอยู่ที่อื่น เมื่อกลับถึงห้อง ลองพูดทักทายกับห้องว่า “กลับมาแล้ว”

ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า ห้องของเรานั้น คือ สิ่งที่ไม่มีสิ่งใดมาแทนที่ได้

มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้จากเฟอร์นิเจอร์ในห้อง

เรามักจะเข้าใจคนอื่นดี แต่พอเป็นเรื่องตัวเองกลับมาความเข้าใจได้ยาก

วิธีที่จะทำให้เรามองเห็นจิตใจตัวเองได้ดีที่สุด คือ มองห้องที่คุณพักอาศัยอยู่ในขณะนี้ผ่านเฟอร์นิเจอร์ 3 ชิ้น เพราะห้องเป็นเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนภาพในจิตใจของคุณออกมา

เฟอร์นิเจอร์ 3 ชิ้น ที่จะทำให้เรารับรู้ถึงส่วนลึกในจิตใจได้
- ตู้เย็น
- ตู้เสื้อผ้า
- ชั้นหนังสือ

ตู้เย็น = คุณมีวิธีคิดอย่างไร

ตู้เสื้อผ้า = คุณอยากให้คนอื่นมองเห็นคุณเป็นแบบไหน

ชั้นหนังสือ ​= คุณประเมินค่าตัวเองไว้อย่างไร

รู้วิธีคิดของตนเองจาก “ตู้เย็น”

สำรวจของที่อยู่ในตู้เย็นและวิธีใช้ของในตู้เย็น คุณมีแบบแผนวิธีคิดและตัดสินใจอย่างไร

ถ้าในตู้เย็นมีปริมาณวัตถุดิบที่หมดอายุแล้วมาก แสดงว่ามีการซื้อวัตถุดิบแบบไม่คิดให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการกะปริมาณผิดพลาดหรือซื้อเพราะเห็นแก่สินค้าลดราคา แสดงว่า คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นคนตัดสินอะไรง่ายๆ

ควรจัดเรียงของสดที่หมดอายุเร็วไว้ตามวันหมดอายุเครื่องปรุงรสที่ใช้ทำอาหารบ่อยๆควรเรียงไว้ที่ประตูตู้เย็นคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องวันหมดอายุและชนิดของวัตถุดิบเจอที่ว่างตรงไหนไว้ตรงนั้นอาจจะเป็นคนคิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยหรือมีกิจกรรมเยอะเกินไป

หมั่นดูแลสะสางข้าวของในตู้เย็นบ่อยๆ ก็จะสะสางความคิดที่เกินจำเป็นของตนเองได้ด้วย

ตู้เสื้อผ้า บอกได้ว่า คุณอยากให้คนอื่นมองคุณแบบไหน

ลองแยกเสื้อผ้าที่ใส่บ่อยๆกับเสื้อผ้าที่แทบไม่ได้ใส่เลยออกจากกัน จะทำให้คุณรู้รสนิยมของตัวเองและ

ปล่อยมือจากเสื้อผ้าที่ไม่ต้องการได้ง่ายขึ้น

ลองมองเสื้อผ้าที่ใส่บ่อยๆให้ลึกซึ้งว่าเป็นเสื้อผ้าที่อยากใส่จริงๆหรือไม่ หรือเป็นเพราะคำนึงถึงสายตาคนรอบข้างหรือใส่ตามแฟชั่น

ประเมินตนเองจาก “ชั้นหนังสือ” ชั้นหนังสือในห้องของคุณมีหนังสือประเภทใดวางเรียงเต็มชั้นอยู่บ้าง

คนที่ครองครองหนังสือเป็นกองภูเขา เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ตนปรารถนาหรือขาดแคลน อาจจะเป็นคนประเมินค่าตนเองต่ำเกินไปหรือคาดหวังถึงอนาคตสูงเกินไป โดยมักจะคิดว่าแม้ตอนนี้จะล้มเหลว แต่ถ้ามีหนังสือพวกนี้อยู่ละก็ อนาคตของฉันต้องเปลี่ยนแน่นอน การคิดแบบนี้เป็นการตั้งความหวังที่สูงเกินไป

มีหนังสือเพื่อเต็มเติมสิ่งที่ขาดไปหรือไม่ หากมองดูประเภทหนังสือบนชั้นหนังสือ ก็จะทราบได้ว่า คุณมองตัวเองอย่างไรและกำลังรู้สึกขาดแคลนสิ่งใด หากคุณกำลังทุกข์ใจในความรัก ก็มักจะมีหนังสือคู่มือมีรักให้ราบรื่น หากคุณกำลังทุกข์ใจเรื่องไม่มีเงิน ก็มักจะมีหนังสือคู่มือสู่การเป็นเศรษฐี ถ้าเรายังมองว่าตนเองเป็นผู้ขาดแคลนอยู่ร่ำไป ก็อาจจะไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพนี้ได้

มีหนังสือที่คุณอยากให้คนใกล้ตัวอ่านมั้ย แสดงว่าหนังสือเล่มนั้นจับใจคุณ และคุณเข้าใจเนื้อหาเล่มนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะได้อ่านทบทวนหลายๆครั้ง และจดจำสิ่งที่มีในหนังสือได้อย่างขึ้นใจ จนนำไปเล่าต่อให้คนอื่นฟังได้

ขั้นตอนที่ 2 จดจำพื้นฐานของการทำความสะอาดกัน

พื้นฐานของการทำความสะอาดกันมี 3 ประการ

ทิ้ง หมายถึง การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะตัดขาดจากของที่ไม่จำเป็นแล้วเหลือไว้แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ

ลองเปลี่ยนแนวคิดว่า การทิ้ง คือ การแยกแยะว่าสิ่งไหนที่สำคัญจริงๆ ถ้าคุณทำได้ เรื่องที่ลังเลหรือสับสนในชีวิตก็จะลดน้อยลงด้วย

ลองให้ความสำคัญกับสิ่งของโดยไม่ทิ้ง ลองฝึกจัดเก็บของให้เรียบร้อยโดยไม่ทิ้งดู

ขัดถู = การทำให้สิ่งของนั้นกลับมาสะอาดเหมือนเดิม

เมื่อขัดถูๆบ่อยๆ จะทำให้ความคิดที่จะต้องการสิ่งของที่ไม่มีจะลดลง และคุณจะให้ความสำคัญกับของที่มีอยู่แล้วมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณก็จะแสดงเสน่ห์ของตัวเองออกมาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย การขัดถูสิ่งต่างๆยังจะช่วยดึงสติของเราให้กลับคืนมาได้ด้วย

หมั่นนำมาใช้งาน = การทำให้ของต่างๆมีชีวิต หากไม่มีการใช้งานสิ่งของนั้นๆ ก็จะเสื่อมสภาพจนผุพังได้

หากอากาศในห้องไม่ไหลเวียน จิตใจของเราจะค่อยๆดิ่งสู่ด้านลบ เมื่อเราคิดลบมากเกินไป เราก็จะไม่อยากทำอะไร ทำให้ห้องดูไม่มีชีวิตชีวา ให้เริ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของภายในห้องเพื่อให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น เพราะถ้าห้องมีความเคลื่อนไหว ตัวเราเองก็จะรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น

พื้นฐาน 3 ประการนี้ นอกจากจะทำให้เราเก็บห้องได้เรียบร้อยแล้ว ยังช่วยให้ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นด้วย

ขั้นตอนที่ 3 เตรียมใจให้พร้อมก่อนเก็บห้อง

ถ้าทิ้งไม่ลง ขอให้คิดว่า “อย่าเพิ่มให้มากขึ้น” การทิ้งจะทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเหมือนเป็นการยอมรับว่าเราตัดสินใจผิดพลาดอยากจะทิ้งแต่ทิ้งไม่ลง

หัวใจสำคัญ คือ การคิดถึงมาตรฐานในการตัดสินใจนำเข้ามา เช่น ซื้อแต่ของที่ชอบเท่านั้น ไม่ตัดสินใจซื้อของทันที

คำนึงถึงการสร้างที่ว่าง ให้เก็บของที่กระจัดกระจายไปรวมไว้ในกล่องใบใหญ่

ค่อยๆทำไปทีละนิด คนส่วนใหญ่ที่จัดห้องไม่ได้ มักจะเป็นคนที่ตั้งใจจะเก็บห้องแบบรวดเดียวเสร็จ สิ่งที่สำคัญอันดับแรก คือ ค่อยๆทำไปในขอบเขตเท่าที่เราจะทำได้ การตั้งใจจะเก็บทุกอย่างไว้ทำรวดเดียวเลยนั้น หากคุณมีพลังใจไม่เพียงพอที่จะทำอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้คุณไม่ชอบการจัดห้องไปเลย

อย่าเรียกหาความสมบูรณ์แบบการเก็บกวาดห้องนั้นถือเป็นงานที่ไม่มีวันจบสิ้นแต่เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องกันไปในชีวิตประจำวัน

หากยึดติดกับความสมบูรณ์ไร้ที่ติ แล้วมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้เช่นนั้น เมื่อคุณทำไม่เสร็จ คุณจะกล่าวโทษตัวเอง ส่งผลให้ไม่อยากเก็บกวาดอีกต่อไป

ขอให้ลองทำดูจนถึงระดับหนึ่งโดยไม่ยึดติดกับสมบูรณ์แบบ แม้ทำได้เล็กน้อยหรือห้องจะยังรกเหลือความสกปรกอยู่บ้าง ก็ขอให้มุ่งไปส่วนที่ทำได้และชื่นชมตัวเองหลังจากทำเสร็จแล้วทุกครั้ง

การเริ่มต้นลุกขึ้นมาจัดห้องใหม่ มีหลักคิด 3 ประการ

อย่าบังคับให้ใครจัดห้อง ควรเริ่มต้นด้วยความสมัครใจของผู้อยู่อาศัยเอง

จัดห้องทั้งๆที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่ทำไม่ได้เพราะไม่อยากทำ แต่เป็นเพราะไม่ได้ลงมือทำ จึงรู้สึกไม่อยากทำ

ใช้ความสุขเป็นเป้าหมาย ใช้ความรู้สึกที่อยากมีความสุขเป็นเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ห้องที่เก็บเรียบร้อยแล้ว

"เพียงแค่คุณใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์เท่านั้น ก็จะทำให้ทัศนียภาพในการมองเห็นค่อยๆเปลี่ยนไปเอง นี่แหละคือ 'การปรับเปลี่ยนชีวิต' อย่างแท้จริง” ยูจิ อิโต

ขอขอบคุณและเครดิตหนังสือ: จัดห้องใหม่ ชีวิตเปลี่ยน New Room, New You โดย ยูจิ อิโต

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้